ต่อยอดความสำเร็จ...พร้อมให้นักท่องเที่ยวมาฝาก (ปาก) ท้อง ได้ทุกเมืองทั่วไทยกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า จัดพิธีมอบตราสัญลักษณ์ Thai SELECT ให้แก่ร้านอาหารไทยที่ผ่านการคัดเลือกในปีที่ 2 จำนวน 225 ร้าน แบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่ Thai SELECT PREMIUM 3 ร้าน, Thai SELECT 201 ร้าน และ Thai SELECT UNIQUE 21 ร้าน ทำให้มีร้านอาหารที่ได้รับเครื่องหมาย Thai SELECT การันตีคุณภาพทั้งหมดทั่วประเทศแล้ว 798 ราย พร้อมร่วมมือกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน ประชาสัมพันธ์ร้านอาหาร Thai SELECT ประเทศไทย ให้นักท่องเที่ยวทั่วโลก มั่นใจในคุณภาพร้านอาหาร ที่เราคัดสรรไว้ทุกที่ทั่วไทย
นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยภายหลังเป็นประธาน พิธีมอบตราสัญลักษณ์ Thai SELECT ประจำปี 2562 ในวันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2562 ณ ห้องประชุมบุรฉัตรไชยากร ชั้น 4 สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ ว่า ในปี 2562 มีผู้ประกอบการร้านอาหารไทยจากทั่วประเทศกว่า 800 ร้าน สมัครเข้าร่วมโครงการส่งเสริมร้านอาหารไทยให้ได้รับตราสัญลักษณ์ Thai SELECT ซึ่งกรมฯ ได้พิจารณาคัดเลือกร้านอาหารที่ผ่านเกณฑ์โดยคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ และทรงคุณวุฒิทั้งภาครัฐและเอกชน เช่น สถาบันอาหาร การบินไทย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย วิทยาลัยเทคโนโลยีครัววันดี และวิทยาลัยดุสิตธานี เป็นต้น รวมถึงจะช่วยกันประชาสัมพันธ์ให้ร้านอาหาร Thai SELECT เป็นที่รู้จักแก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ
อธิบดี กล่าวต่อว่า “ร้านอาหารไทยที่จะได้รับตราสัญลักษณ์ฯ จะต้องเป็นร้านอาหารไทยต้นตำรับ มีรายการอาหารไทยในร้านไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 มีกรรมวิธีการปรุงตามมาตรฐานของไทย ใช้วัตถุดิบและเครื่องปรุงของไทย มีรสชาติและคุณภาพอาหารยอดเยี่ยม ตกแต่งร้านสวยงาม และบริการเป็นเลิศ ซึ่งแบ่งตราสัญลักษณ์เป็น 3 ประเภท ดังนี้ 1) Thai SELECT PREMIUM จะต้องได้รับ 90 คะแนนขึ้นไป 2) Thai SELECT ได้รับคะแนนระหว่าง 75-89 คะแนน และ 3) Thai SELECT UNIQUE ได้รับคะแนนระหว่าง 75-89 คะแนน และต้องมีเมนูอาหารที่เป็นอัตลักษณ์ของท้องถิ่น สำหรับผลการคัดเลือกในปีนี้ มีร้านอาหารไทยที่ได้รับตราสัญลักษณ์ Thai SELECT จำนวน 225 ร้าน แบ่งเป็น Thai SELECT PREMIUM จำนวน 3 ร้าน, Thai SELECT จำนวน 201 ร้าน และ Thai SELECT UNIQUE จำนวน 21 ร้าน”
“ทั้งนี้ เมื่อรวมกับร้านที่ได้รับตราสัญลักษณ์ Thai SELECT เมื่อปี 2561 แล้ว มีจำนวนทั้งสิ้น 798 ร้าน แบ่งเป็น Thai SELECT PREMIUM จำนวน 10 ร้าน, Thai SELECT จำนวน 717 ร้าน และ Thai SELECT UNIQUE จำนวน 71 ร้าน โดยร้านอาหารที่ได้รับตราสัญลักษณ์ Thai SELECT กระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ และกรมฯ เชื่อว่าจะเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ดี ที่จะช่วยให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับอาหารไทยคุณภาพและวัฒนธรรมท้องถิ่นไปพร้อมกัน”
“ปัจจุบันร้านอาหารไทยยังคงเป็นหนึ่งในธุรกิจหลักที่ผู้ประกอบธุรกิจไทยให้ความสนใจลงทุนเป็นอันดับต้นๆ โดยในปี 2561 มูลค่าธุรกิจร้านอาหารไทยอยู่ที่ 420,000 ล้านบาท จากจำนวนร้านอาหารในประเทศไทย 231,916 ร้าน และมีแนวโน้มเติบโตไม่ต่ำกว่า 5% กรมพัฒนาธุรกิจการค้าและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เล็งเห็นความสำคัญจึงดำเนินการส่งเสริมพัฒนาและยกระดับธุรกิจร้านอาหารในประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ Thai SELECT โดยสะท้อนวิถีชีวิตท้องถิ่นเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยว สร้างประสบการณ์ด้านการกินอยู่ในวิถีไทย สร้างการรับรู้และจดจำแบรนด์ Thai SELECT ให้แก่นักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ
“ซึ่งในปีที่ผ่านมากรมฯได้สร้างความสัมพันธ์ในห่วงโซ่ (Supply Chain) ของธุรกิจร้านอาหาร โดยเพิ่มช่องทางการตลาดให้กับผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหาร ซึ่งตระหนักว่าธุรกิจร้านอาหารในปัจจุบันจะเติบโตได้ต้องใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยี ผสานเข้ากับการตลาดอย่างสร้างสรรค์ และมีช่องทางการประชาสัมพันธ์ที่มีประสิทธิภาพ จากโครงการนี้นอกจากจะช่วยเพิ่มยอดขายให้กับผู้ประกอบการร้านอาหารที่เข้าร่วมโครงการแล้ว ผู้บริโภคเองก็จะได้มีโอกาสลิ้มรสชาติอาหารดี อร่อย ราคาย่อมเยาจากร้านเด่นร้านดังของเมืองไทย ซึ่งสามารถตอบโจทย์ ความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี” อธิบดี กล่าวในท้ายที่สุด
นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยภายหลังเป็นประธาน พิธีมอบตราสัญลักษณ์ Thai SELECT ประจำปี 2562 ในวันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2562 ณ ห้องประชุมบุรฉัตรไชยากร ชั้น 4 สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ ว่า ในปี 2562 มีผู้ประกอบการร้านอาหารไทยจากทั่วประเทศกว่า 800 ร้าน สมัครเข้าร่วมโครงการส่งเสริมร้านอาหารไทยให้ได้รับตราสัญลักษณ์ Thai SELECT ซึ่งกรมฯ ได้พิจารณาคัดเลือกร้านอาหารที่ผ่านเกณฑ์โดยคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ และทรงคุณวุฒิทั้งภาครัฐและเอกชน เช่น สถาบันอาหาร การบินไทย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย วิทยาลัยเทคโนโลยีครัววันดี และวิทยาลัยดุสิตธานี เป็นต้น รวมถึงจะช่วยกันประชาสัมพันธ์ให้ร้านอาหาร Thai SELECT เป็นที่รู้จักแก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ
อธิบดี กล่าวต่อว่า “ร้านอาหารไทยที่จะได้รับตราสัญลักษณ์ฯ จะต้องเป็นร้านอาหารไทยต้นตำรับ มีรายการอาหารไทยในร้านไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 มีกรรมวิธีการปรุงตามมาตรฐานของไทย ใช้วัตถุดิบและเครื่องปรุงของไทย มีรสชาติและคุณภาพอาหารยอดเยี่ยม ตกแต่งร้านสวยงาม และบริการเป็นเลิศ ซึ่งแบ่งตราสัญลักษณ์เป็น 3 ประเภท ดังนี้ 1) Thai SELECT PREMIUM จะต้องได้รับ 90 คะแนนขึ้นไป 2) Thai SELECT ได้รับคะแนนระหว่าง 75-89 คะแนน และ 3) Thai SELECT UNIQUE ได้รับคะแนนระหว่าง 75-89 คะแนน และต้องมีเมนูอาหารที่เป็นอัตลักษณ์ของท้องถิ่น สำหรับผลการคัดเลือกในปีนี้ มีร้านอาหารไทยที่ได้รับตราสัญลักษณ์ Thai SELECT จำนวน 225 ร้าน แบ่งเป็น Thai SELECT PREMIUM จำนวน 3 ร้าน, Thai SELECT จำนวน 201 ร้าน และ Thai SELECT UNIQUE จำนวน 21 ร้าน”
“ทั้งนี้ เมื่อรวมกับร้านที่ได้รับตราสัญลักษณ์ Thai SELECT เมื่อปี 2561 แล้ว มีจำนวนทั้งสิ้น 798 ร้าน แบ่งเป็น Thai SELECT PREMIUM จำนวน 10 ร้าน, Thai SELECT จำนวน 717 ร้าน และ Thai SELECT UNIQUE จำนวน 71 ร้าน โดยร้านอาหารที่ได้รับตราสัญลักษณ์ Thai SELECT กระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ และกรมฯ เชื่อว่าจะเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ดี ที่จะช่วยให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับอาหารไทยคุณภาพและวัฒนธรรมท้องถิ่นไปพร้อมกัน”
“ปัจจุบันร้านอาหารไทยยังคงเป็นหนึ่งในธุรกิจหลักที่ผู้ประกอบธุรกิจไทยให้ความสนใจลงทุนเป็นอันดับต้นๆ โดยในปี 2561 มูลค่าธุรกิจร้านอาหารไทยอยู่ที่ 420,000 ล้านบาท จากจำนวนร้านอาหารในประเทศไทย 231,916 ร้าน และมีแนวโน้มเติบโตไม่ต่ำกว่า 5% กรมพัฒนาธุรกิจการค้าและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เล็งเห็นความสำคัญจึงดำเนินการส่งเสริมพัฒนาและยกระดับธุรกิจร้านอาหารในประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ Thai SELECT โดยสะท้อนวิถีชีวิตท้องถิ่นเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยว สร้างประสบการณ์ด้านการกินอยู่ในวิถีไทย สร้างการรับรู้และจดจำแบรนด์ Thai SELECT ให้แก่นักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ
“ซึ่งในปีที่ผ่านมากรมฯได้สร้างความสัมพันธ์ในห่วงโซ่ (Supply Chain) ของธุรกิจร้านอาหาร โดยเพิ่มช่องทางการตลาดให้กับผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหาร ซึ่งตระหนักว่าธุรกิจร้านอาหารในปัจจุบันจะเติบโตได้ต้องใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยี ผสานเข้ากับการตลาดอย่างสร้างสรรค์ และมีช่องทางการประชาสัมพันธ์ที่มีประสิทธิภาพ จากโครงการนี้นอกจากจะช่วยเพิ่มยอดขายให้กับผู้ประกอบการร้านอาหารที่เข้าร่วมโครงการแล้ว ผู้บริโภคเองก็จะได้มีโอกาสลิ้มรสชาติอาหารดี อร่อย ราคาย่อมเยาจากร้านเด่นร้านดังของเมืองไทย ซึ่งสามารถตอบโจทย์ ความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี” อธิบดี กล่าวในท้ายที่สุด
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น