รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดงาน "สร้างวินัยการออม ชีวิตพร้อมเมื่อสูงวัย" ยืนยัน สร้างวินัยการออมเริ่มต้นจากครอบครัว หวั่นคนไทยไม่พร้อมรับมือสังคมผู้สูงวัย หลังพบคนไทยเป็นหนี้กว่าร้อยละ 91.1 สูงสุดในรอบ 10 ปี
พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เป็นประธานเปิดงานเสวนา ภายใต้แนวคิด “สร้างวินัยการออม ชีวิตพร้อมเมื่อสูงวัย” เพื่อส่งเสริมการออม เตรียมความพร้อมเข้าสู่วัยสูงอายุอย่างมีคุณภาพ โดยมีข้าราขการ เจ้าหน้าที่ เข้าร่วมกว่า 300 คน ณ หอประชุมศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ
พล.อ.อนันตพร กล่าวว่า ประเทศไทยมีประชากรประมาณ 65.9 ล้านคน เป็นผู้สูงอายุ 10.5 ล้านคน หรือร้อยละ 16.5 ของประชากรทั้งหมด ถือว่าเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (Ageing Society) ตั้งแต่ปี 2548 และจะเป็นแบบสมบูรณ์ คือมีผู้สูงอายุกว่าร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมด ในปี 2564 ขณะที่เด็กเกิดใหม่มีอัตราลดลง ทำให้รัฐบาลต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนในการวางระบบเตรียมพร้อมด้านต่าง ๆ เพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ โดยเฉพาะการออม ซึ่งช่วง 2 - 3 ปีที่ผ่านมา หนี้ภาคครัวเรือนขยายตัวสูงอย่างก้าวกระโดด
จากผลสำรวจสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ปี 2560 พบว่า ครัวเรือนไทยเป็นหนี้กว่าร้อยละ 91.1 สูงสุดในรอบ 10 ปี มีเพียงร้อยละ 8.9 เท่านั้นที่ ไม่มีหนี้ และส่วนใหญ่ร้อยละ 32.4 เป็นหนี้เพื่อการใช้จ่ายทั่วไป รองลงมาร้อยละ 30.5 เป็นหนี้เพื่อซื้อทรัพย์สิน เช่น บัตรเครดิต โดยกลุ่มคน Gen Y หรือกลุ่มคนวัยเริ่มต้นทำงานใหม่ อายุต่ำกว่า 30 ปี มีแนวโน้มเป็นหนี้บัตรเครดิตและใช้สินเชื่อส่วนบุคคลมากขึ้นและเป็นหนี้เสียเร็วขึ้น ถือว่าน่าเป็นห่วงเพราะสะท้อนถึงสภาพการออมที่มีน้อยจนต้องเป็นหนี้ ขณะที่ประชาชนเพียงร้อยละ 30 มีการเตรียมความพร้อมเพื่อเป็นผู้สูงอายุอย่างมีคุณภาพ ส่วนอีกร้อยละ 70 ยังไม่มีความพร้อม
โดยการเริ่มออมเงินตั้งแต่อายุยังน้อย แบ่งเป็นสัดส่วน ออมให้ได้ ร้อยละ 5-10 ของรายรับ และไม่ควรใช้เงินจำนวนนี้เลย พอเวลาผ่านไปก็จะมีเงินเก็บเยอะขึ้น ถือเป็นการเตรียมความพร้อม เพื่อจะได้เข้าสู่การเป็นผู้สูงอายุที่มีคุณภาพพล.อ.อนันตพร กล่าวว่า ประเทศไทยมีประชากรประมาณ 65.9 ล้านคน เป็นผู้สูงอายุ 10.5 ล้านคน หรือร้อยละ 16.5 ของประชากรทั้งหมด ถือว่าเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (Ageing Society) ตั้งแต่ปี 2548 และจะเป็นแบบสมบูรณ์ คือมีผู้สูงอายุกว่าร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมด ในปี 2564 ขณะที่เด็กเกิดใหม่มีอัตราลดลง ทำให้รัฐบาลต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนในการวางระบบเตรียมพร้อมด้านต่าง ๆ เพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุ โดยเฉพาะการออม ซึ่งช่วง 2 - 3 ปีที่ผ่านมา หนี้ภาคครัวเรือนขยายตัวสูงอย่างก้าวกระโดด
จากผลสำรวจสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ปี 2560 พบว่า ครัวเรือนไทยเป็นหนี้กว่าร้อยละ 91.1 สูงสุดในรอบ 10 ปี มีเพียงร้อยละ 8.9 เท่านั้นที่ ไม่มีหนี้ และส่วนใหญ่ร้อยละ 32.4 เป็นหนี้เพื่อการใช้จ่ายทั่วไป รองลงมาร้อยละ 30.5 เป็นหนี้เพื่อซื้อทรัพย์สิน เช่น บัตรเครดิต โดยกลุ่มคน Gen Y หรือกลุ่มคนวัยเริ่มต้นทำงานใหม่ อายุต่ำกว่า 30 ปี มีแนวโน้มเป็นหนี้บัตรเครดิตและใช้สินเชื่อส่วนบุคคลมากขึ้นและเป็นหนี้เสียเร็วขึ้น ถือว่าน่าเป็นห่วงเพราะสะท้อนถึงสภาพการออมที่มีน้อยจนต้องเป็นหนี้ ขณะที่ประชาชนเพียงร้อยละ 30 มีการเตรียมความพร้อมเพื่อเป็นผู้สูงอายุอย่างมีคุณภาพ ส่วนอีกร้อยละ 70 ยังไม่มีความพร้อม
ทั้งนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดยกรมกิจการผู้สูงอายุ (ผส.) ในฐานะภาครัฐ ที่เป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักในการส่งเสริมรณรงค์สร้างความตระหนักและเตรียมความพร้อมประชากรทุกช่วงวัย ให้มีการเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่วัยสูงอายุอย่างมีคุณภาพ ได้บูรณาการความร่วมมือภายใต้คณะทำงานประชารัฐ เพื่อสังคม (E6) ด้านการออมเพื่อการเกษียณอายุราชการ ซึ่งเป็นเครือข่ายความร่วมมือในส่วนภาครัฐ โดยมี ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นเจ้าภาพหลัก โดยงานครั้งนี้ มุ่งเน้นส่งเสริมให้สังคมเกิดความตระหนัก และเกิดการออมในคนทุกช่วงวัย เพื่อเป็นการเตรียมการและสร้างวินัยการออมเงินให้เกิดขึ้นแก่ประชาชนทุกระดับ เพื่อเป็นสูงอายุที่มีคุณภาพและสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืนต่อไป
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น